ภาพจากดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงขอบเขตความเสียหายของเมืองลาไฮนา เมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเมาวี รัฐฮาวาย ลาไฮนาเป็นจุดที่เผชิญกับไฟป่าหนักที่สุด เผาผลาญพื้นที่กว่า 5,500 ไร่ และมีอาคารที่ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยกว่า 2,200 แห่งได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายจนไม่เหลือซาก
สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินกลางและศูนย์ภัยพิบัติแปซิฟิกประเมินเบื้องต้นว่ามูลค่าความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้อาจสูงกว่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 1 แสน 9 หมื่นล้านบาท
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 93 ราย
ไฟป่าโหมแรงบนเกาะฮาวาย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย คำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1
ในส่วนของยอดผู้เสียชีวิต รายงานล่าสุดอยู่ที่ 96 ราย ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย ทำลายสถิติเหตุสึนามิในปี 1960 ที่คร่าชีวิตผู้คนไป 61 คน
ทางการรัฐฮาวายคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีรายงานว่ายังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันชาติและกองทัพสหรัฐฯ ลงพื้นที่เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดับไฟป่า รวมถึงเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา กู้ภัย และจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ทางการเกาะเมาวียังจัดหาที่พักกว่า 1,000 ห้องเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสียบ้านจากไฟป่าให้พักอาศัยชั่วคราวโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ท่ามกลางความพยายามของรัฐในการควบคุมสถาการณ์ ผู้ประสบภัยจำนวนมากออกมาตั้งข้อสงสัยรวมถึงแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากพวกเขาระบุว่า ไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ จากทางการเกี่ยวกับไฟป่าและแผนการอพยพ การขาดการเตรียมการณ์ทำให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความโกลาหล บางคนต้องกระโดดลงทะเลเพื่อหนีไฟป่า
ทั้งนี้อัยการสูงสุดของรัฐฮาวายให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินของรัฐ เพื่อปรับปรุงการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างครอบคลุมที่สุด ทั้งนี้มีรายงานว่าช่วงที่เกิดไฟป่า ระบบไฟฟ้าในหลายพื้นที่ถูกตัดเนื่องจากความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงมาก จนทำให้ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติฉุกเฉินและเสียงสัญญาณไซเรนไม่ทำงาน
ไฟป่าบนเกาะเมาวีครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงคืนวันอังคารที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบกว่า 100 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1918 ซึ่งในครั้งนั้นเกิดไฟป่าขึ้นในรัฐมินนิโซตาและรัฐวิสคอนซิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 453 คน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่าในลักษณะที่รุนแรงนี้เป็นผลมาจากจากภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนทำให้รูปแบบของสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ยิ่งโลกร้อนมากขึ้นเท่าไหร่ สภาพอากาศก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สุดขั้วมากขึ้น เช่น หนาวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือร้อนเป็นประวัติการณ์ ปีนี้ถือเป็นปีที่อุณหภูมิสูงและอากาศร้อนจัดผิดปกติ
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์คาดการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจวัดและเก็บสถิติอุณหภูมิ อ้างอิงจากอุปกรณ์รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพภูมิอากาศโลก ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเมน ในสหรัฐฯ พบว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.18 องศาเซลเซียส สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 1979 ขณะที่อีกหนึ่งตัวเร่งของไฟป่าคือ แรงลมที่เกิดจากอิทธิพลพายุเฮอริเคนดอราที่เคลื่อนตัวห่างจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮาวายไปราว 1,200 กิโลเมตรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ซึ่งสภาพภูมิประเทศหลายส่วนบนเกาะเมาวีเป็นเทือกเขาสูงชันก็ยิ่งทำให้ลมที่พัดเข้ามาโหมไฟป่าให้ยิ่งมีความรุนแรง นอกเหนือจากไฟป่า โลกร้อนยังทำให้รัฐฮาวายประสบภัยแล้งมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าพื้นที่ร้อยละ 90 ของรัฐมีปริมาณน้ำฝนลดลงจากเมื่อศตวรรษที่แล้ว โดยความแล้งเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงปี 2008
นอกเหนือจากไฟป่าแล้ว สภาวะโลกร้อนยังก่อให้เกิดพายุที่ถี่และรุนแรงมากขึ้นด้วย หลายประเทศในเอเชียเพิ่งเจอกับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นขนุนที่พัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี บางพื้นที่ของจีนและรัสเซีย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก
ในส่วนของเกาหลีเหนือ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักคือ เขตอันบยอนในจังหวัดคังวอน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ อิทธิพลของพายุขนุนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักเป็นวงกว้าง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือเปิดเผยภาพคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ลงพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพื่อตรวจสอบความเสียหาย
มีรายงานว่าผู้นำเกาหลีเหนือได้ตำหนิเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่าทำงานแบบขาดความรับผิดชอบ ไม่ทำตามคำสั่งมาตรการของรัฐและไม่ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อรับมือกับน้ำท่วม จนทำให้พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ
เกาหลีเหนือเผชิญกับฝนตกหนักจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นขนุนมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แม้ว่าทางการเกาหลีเหนือจะสั่งให้กองทัพและเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติและใช้มาตรการปกป้องพืชผลทางการเกษตรเพื่อลดความเสียหายแล้วก็ตาม หลายฝ่ายระบุว่า ภัยธรรมชาติครั้งนี้อาจซ้ำเติมวิกฤตด้านอาหารของเกาหลีเหนือให้รุนแรงขึ้นอีก
อีกประเทศหนึ่งที่เจอกับอิทธิพลของพายุขนุนคือ จีน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไต้ฝุ่นขนุนเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ แม้ไต้ฝุ่นดังกล่าวจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่ยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในส่วนของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จัดการภัยพิบัติฉุกเฉินของจีนรายงานว่า ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 21 รายและมีผู้สูญหาย 6 คน
อีกจุดที่ได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นขนุนคือ บริเวณภูมิภาคฟาร์อีส หรือ ตะวันออกไกลของรัสเซีย โดยพายุพัดเข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ในภูมิภาคดังกล่าวประสบน้ำท่วมหนัก จุดที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือดินแดนปริมอร์เย (Primorye) โดยพื้นที่ราวร้อยละ 40 ของดินแดนแห่งนี้ถูกน้ำท่วมหนัก ขณะที่อาคารกว่า 4,300 แห่งเผชิญน้ำท่วมสูง ชุมชน 28 แห่งถูกตัดขาด
ด้านกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียประกาศอพยพประชาชนกว่า 2,500 คนออกจากพื้นที่ประสบภัยแล้ว
ทั้งนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้ว 3 ราย เป็นผู้หญิง 1 ราย ส่วนอีก 2 รายเป็นเด็กอายุระหว่าง10-12 ปี